หากว่า ราล์ฟ รังนิค มีข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของงานที่รออยู่ข้างหน้าเขาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขารู้ดีว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ามันจะยากแค่ไหน ในขณะที่เขาเฝ้าดูทีมของเขาดิ้นรนเพื่อเก็บแต้มจากทีมหนีตกชั้นอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
มันมีตัวอย่างมากมายที่อาจทำให้ รังนิค สงสัยว่าผู้เล่นกลุ่มนี้ทำตามสไตล์ฟุตบอลของเขาหรือไม่ เช่นเดียวกับ เฟร็ด ที่จ่ายบอลพลาดถึง 43 ครั้ง หลายครั้งที่ นิวคาสเซิ่ล ผ่านแผงเกมรับของทีมปีศาจแดงได้ง่าย ๆ หรือแม้กระทั่ง บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่เสียการครองบอล 26 ครั้ง
ผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค มันทำให้ รังนิค ต้องกลับไปสู่พื้นฐานก่อนที่เขาจะเริ่มพิจารณาสไตล์และรูปแบบใหม่ หากเขาจะกอบกู้ความหวังท็อปโฟร์ในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้
เขายืนบนข้างสนาม ส่ายหัวและก่ายหน้าผาก และเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขายักไหล่เพื่อบอกว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงแสดงท่าทางที่เป็นอยู่แบบนั้น
กุนซือชาวเยอรมันพาทีมลงเล่นในเกมนี้ด้วยความรู้สึกมั่นใจหลังจากทีมของเขากลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้งหลังได้พักเพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่ในตอนนี้ 3 เกมในลีกในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง เขาจะตระหนักรู้ถึงงานที่เขาได้รับมากขึ้นกว่าเดิมในมือของเขา
เขามีเวลาไม่นานในการแก้ปัญหาเหล่านี้ เกมเหย้าเจอ เบิร์นลี่ย์ ในคืนวันพฤหัสบดีนี้ แล้วปัญหาคืออะไร? รูปแบบการเล่น 4-2-2-2 ใหม่นี้ซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้เล่นหรือไม่? ผู้เล่นไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มศักยภาพหรือไม่?
ยกตัวอย่างเช่น บรูโน่ ดูไม่เหมาะกับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกทางฝั่งขวา และการขาดคุณภาพในตำแหน่งมิดฟิลด์ทำให้ ยูไนเต็ด เผยจุดอ่อนในแดนกลางเมื่อแดนหน้าทั้งสี่คนรุกไปข้างหน้า
ในขณะที่การเปลี่ยนไปใช้รูปแบบ 4-1-3-2 ในครึ่งหลังกับ นิวคาสเซิ่ล เห็นการปรับปรุงเล็กน้อย แต่ปัญหาพื้นฐานยังคงมีอยู่และตอกย้ำแนวคิดที่ว่าระบบการเล่นไม่ได้เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
“มันไม่ใช่ปัญหาของรูปแบบการเล่น แต่เป็นปัญหาของพลังงานและความเข้มข้น นอกจากความเร็วแล้ว วิธีที่เราเล่นในการดวลตัวต่อตัวเหล่านั้น นี่คือสิ่งที่เราต้องทำให้ดีขึ้น” รังนิค กล่าว
บรูโน่ โดนใบเหลืองเพราะไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โชคดีที่ไม่ถูกไล่ออกจากสนามสำหรับการปะทะกับ ไรอัน เฟรเซอร์ และสมาชิกตัวจริงทั้ง 11 คนต้องโทษตัวเองที่ปล่อยโอกาสในการทำแต้มจี้ท็อปโฟร์ทิ้งไป
ยูไนเต็ด ขาดการควบคุมและขาดความแม่นยำ แต่ดูเหมือนว่าผู้เล่นจะขาดความเชื่อมั่นในตัวเองและในกันและกันเช่นกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ รังนิค ต้องการนำ ซาสช่า เลนเซ่ มาเป็นนักจิตวิทยาการกีฬา
มันไม่มีความสามัคคีหรือวิธีการในการโจมตีเลย มันมีปัญหาในการป้องกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประตูขึ้นนำของเจ้าถิ่นจาก อัลลัน แซงต์-แม็กซิแม็ง
ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ แล้ว และในขณะที่ รังนิค มีเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ในการเผยแพร่ไอเดียแก่ลูกทีมของเขาแต่แล้วมันก็ถูกคั่นด้วยการระบาดของโควิด-19 เขารู้ดีว่าต้องการอะไร แต่นักเตะจำเป็นต้องก้าวขึ้นมา เหมือนกับที่ เอดินสัน คาวานี่ ซัดตีเสมอ
ไม่ต้องสนใจหรอกว่าจะมีการพูดถึงระบบต่าง ๆ และรูปแบบการโจมตีที่ประสานกัน รังนิค จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยพื้นฐานก่อนที่เขาจะเริ่มสร้างบางอย่างของตัวเองได้